3D เคลื่อนไหว ฝีมือเด็กไทยไอที
--------------------------------------------------------------------------------
ภาพยนตร์การ์ตูนขวัญใจเด็กทั่วโลกยุคนี้ต้องสมจริง สีสันสดสวย และเป็นสามมิติถึงจะดึงดูดใจเด็กยุคไอที
เดี๋ยวนี้ เด็กไทยยุคไฮเทคไม่ได้ดูการ์ตูนอย่างเดียว แต่พัฒนาฝีมือมาเป็นผู้สร้างการ์ตูน 3 มิติฝีมือดีกันหลายคนแล้ว อย่างเด็กๆ ที่สถาบันไอครีเอชั่นซึ่งสอนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ 3D หรือ 3 มิติ แอนิเมเตอร์น้อยอายุเพียง 10 กว่าปีสามารถสร้างสรรค์ผลงาน 3 มิติออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้แล้ว
หนุ่มน้อยวัย 14 ปี ด.ช.พสุ ชูทัย หรือ ปึ๋ง ชั้นม.3 โรงเรียนโสมาภาพัฒนา อวดลีลาท่าทางของหุ่นยนต์ตาเดียวที่ต้องกระโดดหลบหลีกแสงเลเซอร์ ด้วยท่ากลับตัว ม้วนตัว ภายใต้แสงเงา
ปึ๋งเล่าว่า หุ่นยนต์ เจ-02 ถูกจับขังในแคปซูล ต้องฝ่าด่านแสงเลเซอร์เพื่อออกมายังโลกภายนอกให้ได้ ใช้เวลาสร้างหุ่นเจ-02 เพียง 10 ชั่วโมงและเพิ่งเรียนในชั้นเรียนต้นๆ คิดว่าตอนต่อไปเจ้าหุ่นตัวนี้จะมีไอพ่นติดหลังบินออกมาเมื่อฝ่าด่านออกมาได้ และมีแผนว่าจะพัฒนาเจ้าเจ-02 ให้เป็นเกมคอมพิวเตอร์
ความพิเศษของหนุ่มน้อยคนนี้ คือมาพร้อมภาพวาดในสตอรี่บอร์ด ที่วาด เจ-02 ไว้ในการ์ตูนช่องเพื่อสื่อจินตนาการให้ชัดเจน ก่อนทำเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือแอนิเมชั่น เจ้าของผลงานบอกว่าชอบวาดการ์ตูนอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะรูปรถซึ่งวาดเป็นรูป 3 มิติ มีทั้งความกว้าง ยาว และลึก ตอนเด็กๆ ยังชอบวาดการ์ตูนช่องให้เพื่อนๆ อ่าน ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ๊กชั่น แต่ไม่ออกแนวโหด
คุณแม่ช่วยเล่าว่า ปึ๋งมีแววชอบคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบ เพราะปึ๋งชอบเล่นเกม เอาสิ่งของเคลื่อนย้ายเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือ ประสาทสัมผัสทางตาและมือ อีกทั้งช่วยฝึกภาษาอังกฤษด้วย พอโตอีกนิดก็ชอบต่อเลโก้เป็นบ้าน ผ่านไปอีกหน่อยปึ๋งก็พัฒนามาฝึกฝีมือโปรแกรม Flash เป็นการเคลื่อนไหว 2 มิติ
จุดเริ่มต้นที่กระตุ้นให้อยากเรียนทำแอนิเมชั่น 3 มิติ มาจากการดูภาพยนตร์เรื่องทอยสตอรี่ ซึ่งไม่ผิดหวังที่มาเรียนเพราะปึ๋งลงสีไม่เก่ง ชอบแต่วาดลายเส้น พอได้เรียนแอนิเมชั่นก็ได้เทคนิค ถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้มากกว่าการวาดรูป
อีกหนึ่งหนุ่ม ด.ช.ภาณุพงศ์ มุขสมบัติ วัย 14 ปี ชั้นม.3 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าของผลงาน "น้ำคือชีวิต" ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำ เช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา และ ฝนเทียม
ทุกๆ วัน ณุต้องนั่งเรือจากบึงกุ่มล่องคลองแสนแสบและเห็นชาวบ้านหลายบ้านเปิดน้ำทิ้งไว้จนล้นอ่าง ทำให้คิดว่าถ้าโลกนี้ขาดน้ำจะเป็นอย่างไร จึงสร้างดาวสมมติสีแดงขึ้นมา แล้วส่งหุ่นยนต์ไปเสาะหาน้ำที่ดาวดวงนี้ เมื่อพบน้ำ น้ำทำให้เกิดต้นไม้และหุ่นยนต์ก็บรรทุกน้ำจากดาวสีแดงมายังโลก แต่น้ำมีจำนวนจำกัดคงเลี้ยงดูชาวโลกได้ไม่พอ ต่อไปชาวโลกคงแย่งชิงน้ำกัน
ณุเรียนแอนิเมชั่นได้ 3 เดือนแล้ว และพบว่าสนุกมากจึงเรียนต่อจนถึงคลาสที่ 3 สามารถสร้างไฟ น้ำ ลม น้ำฝนได้ เรื่องนี้ใช้เวลาทำเพียง 30 ชั่วโมง สิ่งที่ยากที่สุดคือต้นไม้ เพราะไม่เคยทำมาก่อน และต้องวาดเองให้ต้นไม้ค่อยๆ โตจากพื้นดิน ใช้การบิดงอของกิ่งไม้และใบไม้ต่างๆ ช่วยให้ดูสมจริง ส่วนแบบของหุ่นยนต์มาจากหุ่นโรโบคอปที่เคยดูตั้งแต่เด็กและชอบมากจนจำได้ติดตา
นอกจากเวลาเรียนที่สถาบันไอครีเอชั่นแล้ว ณุยังทุ่มเทเวลาสร้างโมเดลเก็บไว้สัปดาห์ละ 2 ตัว ตอนนี้มี 3-4 ตัวแล้ว ณุว่าถ้าเป็นสัตว์ตัวใหญ่ๆ เช่น ช้าง จะใช้เวลามาก 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าตัวเล็กๆ ก็อาจจะสร้างสัก 3-4 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนสาวน้อยม.2 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ด.ญ.ธนพร หิรัญสถิต หรือ น้องเอ๋ย ทำเรื่องสะท้อนสังคม "ไลฟ์ อิน เดอะ ซิตี้" บอกเล่าเรื่องราวหญิงสาวคนหนึ่งที่คุยโทรศัพท์มือถือทั้งวัน คุยจนไม่ทันสังเกตว่ามีท่อระบายน้ำอยู่ข้างหน้า ผลุบ! ตกลงท่อไปแล้ว จะทำอย่างไรดี ว่าแล้วก็ต้องตะโกนให้คนมาช่วย และก็มีหญิงสาวใจดีเอาบันไดมาพาดให้ปีนขึ้นไป
เอ๋ยเอ่ยถึงแรงบันดาลใจว่า ได้จากสังคมในปัจจุบัน เน้นประเด็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือในสังคมแล้งน้ำใจ และอีกประเด็นคือการใช้โทรศัพท์มากจนเกินพอดี
เมื่อทำผลงานเสร็จในเวลาเพียง 1 เดือน เจ้าตัวภูมิใจกับงานชิ้นนี้มากเพราะมีจุดเด่นตรงที่การเคลื่อนไหวสมจริงและมีเอฟเฟ็กต์ เช่น เมฆและฝนเข้ามาเสริม ฉากหลังเป็นบ้านและร้านค้าซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพราะมีท่อเปิดคาไว้ เอ๋ยบอกว่าทำฉากหลังเพื่อให้ดูว่าไม่มีพื้นที่ว่างจนเกินไป
ก่อนเรียนโปรแกรมมายา (MAYA) สำหรับสร้างงาน 3 มิติ สาววัย 13 ปี ฝึกปรือฝีมือการสร้างฉากและตัวละครจากการเล่นเกมซิมซิตี้มาก่อน ซึ่งมีตั้งแต่เวอร์ชั่น 2 มิติ จนเดี๋ยวนี้เป็น 3 มิติแล้ว มีข้อเด่นต่างกันไป 2 มิติ ช่วยให้ดูภาพรวมได้ดีกว่า ส่วน 3 มิติจะดูสมจริง ตอนอยู่บ้านชอบออกแบบภายใน ต่อไปถ้ามีธุรกิจก็จะสร้างโลโก้และออกแบบงานเพราะอยากเป็นมัณฑนากร
เอ๋ยยังมีความคิดที่จะสร้างแอนิเมชั่นเกี่ยวกับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีมหามงคลนี้ด้วย
เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็นหนังแอนิเมชั่นฝีมือเด็กไทยสู้ผู้ใหญ่ฝรั่งกันบ้างล่ะ
เครดิตจาก :หนังสือพิมพ์ข่าวสด
--------------------------------------------------------------------------------
ภาพยนตร์การ์ตูนขวัญใจเด็กทั่วโลกยุคนี้ต้องสมจริง สีสันสดสวย และเป็นสามมิติถึงจะดึงดูดใจเด็กยุคไอที
เดี๋ยวนี้ เด็กไทยยุคไฮเทคไม่ได้ดูการ์ตูนอย่างเดียว แต่พัฒนาฝีมือมาเป็นผู้สร้างการ์ตูน 3 มิติฝีมือดีกันหลายคนแล้ว อย่างเด็กๆ ที่สถาบันไอครีเอชั่นซึ่งสอนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ 3D หรือ 3 มิติ แอนิเมเตอร์น้อยอายุเพียง 10 กว่าปีสามารถสร้างสรรค์ผลงาน 3 มิติออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้แล้ว
หนุ่มน้อยวัย 14 ปี ด.ช.พสุ ชูทัย หรือ ปึ๋ง ชั้นม.3 โรงเรียนโสมาภาพัฒนา อวดลีลาท่าทางของหุ่นยนต์ตาเดียวที่ต้องกระโดดหลบหลีกแสงเลเซอร์ ด้วยท่ากลับตัว ม้วนตัว ภายใต้แสงเงา
ปึ๋งเล่าว่า หุ่นยนต์ เจ-02 ถูกจับขังในแคปซูล ต้องฝ่าด่านแสงเลเซอร์เพื่อออกมายังโลกภายนอกให้ได้ ใช้เวลาสร้างหุ่นเจ-02 เพียง 10 ชั่วโมงและเพิ่งเรียนในชั้นเรียนต้นๆ คิดว่าตอนต่อไปเจ้าหุ่นตัวนี้จะมีไอพ่นติดหลังบินออกมาเมื่อฝ่าด่านออกมาได้ และมีแผนว่าจะพัฒนาเจ้าเจ-02 ให้เป็นเกมคอมพิวเตอร์
ความพิเศษของหนุ่มน้อยคนนี้ คือมาพร้อมภาพวาดในสตอรี่บอร์ด ที่วาด เจ-02 ไว้ในการ์ตูนช่องเพื่อสื่อจินตนาการให้ชัดเจน ก่อนทำเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือแอนิเมชั่น เจ้าของผลงานบอกว่าชอบวาดการ์ตูนอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะรูปรถซึ่งวาดเป็นรูป 3 มิติ มีทั้งความกว้าง ยาว และลึก ตอนเด็กๆ ยังชอบวาดการ์ตูนช่องให้เพื่อนๆ อ่าน ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ๊กชั่น แต่ไม่ออกแนวโหด
คุณแม่ช่วยเล่าว่า ปึ๋งมีแววชอบคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบ เพราะปึ๋งชอบเล่นเกม เอาสิ่งของเคลื่อนย้ายเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือ ประสาทสัมผัสทางตาและมือ อีกทั้งช่วยฝึกภาษาอังกฤษด้วย พอโตอีกนิดก็ชอบต่อเลโก้เป็นบ้าน ผ่านไปอีกหน่อยปึ๋งก็พัฒนามาฝึกฝีมือโปรแกรม Flash เป็นการเคลื่อนไหว 2 มิติ
จุดเริ่มต้นที่กระตุ้นให้อยากเรียนทำแอนิเมชั่น 3 มิติ มาจากการดูภาพยนตร์เรื่องทอยสตอรี่ ซึ่งไม่ผิดหวังที่มาเรียนเพราะปึ๋งลงสีไม่เก่ง ชอบแต่วาดลายเส้น พอได้เรียนแอนิเมชั่นก็ได้เทคนิค ถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้มากกว่าการวาดรูป
อีกหนึ่งหนุ่ม ด.ช.ภาณุพงศ์ มุขสมบัติ วัย 14 ปี ชั้นม.3 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าของผลงาน "น้ำคือชีวิต" ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำ เช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา และ ฝนเทียม
ทุกๆ วัน ณุต้องนั่งเรือจากบึงกุ่มล่องคลองแสนแสบและเห็นชาวบ้านหลายบ้านเปิดน้ำทิ้งไว้จนล้นอ่าง ทำให้คิดว่าถ้าโลกนี้ขาดน้ำจะเป็นอย่างไร จึงสร้างดาวสมมติสีแดงขึ้นมา แล้วส่งหุ่นยนต์ไปเสาะหาน้ำที่ดาวดวงนี้ เมื่อพบน้ำ น้ำทำให้เกิดต้นไม้และหุ่นยนต์ก็บรรทุกน้ำจากดาวสีแดงมายังโลก แต่น้ำมีจำนวนจำกัดคงเลี้ยงดูชาวโลกได้ไม่พอ ต่อไปชาวโลกคงแย่งชิงน้ำกัน
ณุเรียนแอนิเมชั่นได้ 3 เดือนแล้ว และพบว่าสนุกมากจึงเรียนต่อจนถึงคลาสที่ 3 สามารถสร้างไฟ น้ำ ลม น้ำฝนได้ เรื่องนี้ใช้เวลาทำเพียง 30 ชั่วโมง สิ่งที่ยากที่สุดคือต้นไม้ เพราะไม่เคยทำมาก่อน และต้องวาดเองให้ต้นไม้ค่อยๆ โตจากพื้นดิน ใช้การบิดงอของกิ่งไม้และใบไม้ต่างๆ ช่วยให้ดูสมจริง ส่วนแบบของหุ่นยนต์มาจากหุ่นโรโบคอปที่เคยดูตั้งแต่เด็กและชอบมากจนจำได้ติดตา
นอกจากเวลาเรียนที่สถาบันไอครีเอชั่นแล้ว ณุยังทุ่มเทเวลาสร้างโมเดลเก็บไว้สัปดาห์ละ 2 ตัว ตอนนี้มี 3-4 ตัวแล้ว ณุว่าถ้าเป็นสัตว์ตัวใหญ่ๆ เช่น ช้าง จะใช้เวลามาก 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าตัวเล็กๆ ก็อาจจะสร้างสัก 3-4 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนสาวน้อยม.2 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ด.ญ.ธนพร หิรัญสถิต หรือ น้องเอ๋ย ทำเรื่องสะท้อนสังคม "ไลฟ์ อิน เดอะ ซิตี้" บอกเล่าเรื่องราวหญิงสาวคนหนึ่งที่คุยโทรศัพท์มือถือทั้งวัน คุยจนไม่ทันสังเกตว่ามีท่อระบายน้ำอยู่ข้างหน้า ผลุบ! ตกลงท่อไปแล้ว จะทำอย่างไรดี ว่าแล้วก็ต้องตะโกนให้คนมาช่วย และก็มีหญิงสาวใจดีเอาบันไดมาพาดให้ปีนขึ้นไป
เอ๋ยเอ่ยถึงแรงบันดาลใจว่า ได้จากสังคมในปัจจุบัน เน้นประเด็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือในสังคมแล้งน้ำใจ และอีกประเด็นคือการใช้โทรศัพท์มากจนเกินพอดี
เมื่อทำผลงานเสร็จในเวลาเพียง 1 เดือน เจ้าตัวภูมิใจกับงานชิ้นนี้มากเพราะมีจุดเด่นตรงที่การเคลื่อนไหวสมจริงและมีเอฟเฟ็กต์ เช่น เมฆและฝนเข้ามาเสริม ฉากหลังเป็นบ้านและร้านค้าซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพราะมีท่อเปิดคาไว้ เอ๋ยบอกว่าทำฉากหลังเพื่อให้ดูว่าไม่มีพื้นที่ว่างจนเกินไป
ก่อนเรียนโปรแกรมมายา (MAYA) สำหรับสร้างงาน 3 มิติ สาววัย 13 ปี ฝึกปรือฝีมือการสร้างฉากและตัวละครจากการเล่นเกมซิมซิตี้มาก่อน ซึ่งมีตั้งแต่เวอร์ชั่น 2 มิติ จนเดี๋ยวนี้เป็น 3 มิติแล้ว มีข้อเด่นต่างกันไป 2 มิติ ช่วยให้ดูภาพรวมได้ดีกว่า ส่วน 3 มิติจะดูสมจริง ตอนอยู่บ้านชอบออกแบบภายใน ต่อไปถ้ามีธุรกิจก็จะสร้างโลโก้และออกแบบงานเพราะอยากเป็นมัณฑนากร
เอ๋ยยังมีความคิดที่จะสร้างแอนิเมชั่นเกี่ยวกับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีมหามงคลนี้ด้วย
เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็นหนังแอนิเมชั่นฝีมือเด็กไทยสู้ผู้ใหญ่ฝรั่งกันบ้างล่ะ
เครดิตจาก :หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ด็กเก่งๆแบบนี้ น่าสนุบสนุนนะคะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น